H. pylori สามารถทำลายเยื่อบุป้องกันกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กของคุณได้ เมื่อถึงจุดที่ถูกทำลายกรดในกระเพาะอาหารจะสร้างแผลเปิด ประมาณ 10% ของผู้ที่มีเชื้อ H. pylori จะเป็นแผล การอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร. การติดเชื้อเอชไพโลไรอาจทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองทำให้เกิดการอักเสบ (โรคกระเพาะ) มะเร็งกระเพาะอาหาร. การติดเชื้อเอชไพโลไรเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับมะเร็งกระเพาะอาหารบางประเภท แผล.
การวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดอาจเปิดเผยหลักฐานของการติดเชื้อ H. pylori ที่ใช้งานอยู่หรือก่อนหน้านี้ในร่างกายของคุณ อย่างไรก็ตามการตรวจลมหายใจและอุจจาระสามารถตรวจหาการติดเชื้อเอชไพโลไรที่ใช้งานได้ดีกว่าการตรวจเลือด การทดสอบลมหายใจ. ในระหว่างการทดสอบลมหายใจให้คุณกลืนเม็ดยาของเหลวหรือพุดดิ้งที่มีโมเลกุลของคาร์บอน หากคุณมีการติดเชื้อ H. pylori คาร์บอนจะถูกปล่อยออกมาเมื่อสารละลายถูกทำลายลงในกระเพาะอาหารของคุณ ร่างกายของคุณดูดซับคาร์บอนและขับออกไปเมื่อคุณหายใจออก คุณหายใจออกในถุงและแพทย์ของคุณใช้อุปกรณ์พิเศษเพื่อตรวจจับโมเลกุลของคาร์บอน ยาระงับกรดเช่นสารยับยั้งโปรตอนปั๊ม (PPIs) บิสมัทซัลซาลิไซเลต (Pepto-Bismol) และยาปฏิชีวนะอาจรบกวนความแม่นยำของการทดสอบนี้ แพทย์ของคุณจะขอให้คุณหยุดใช้ยาเหล่านี้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่คุณจะทำการทดสอบ การทดสอบนี้มีให้สำหรับผู้ใหญ่และเด็ก การทดสอบอุจจาระ. การทดสอบในห้องปฏิบัติการที่เรียกว่าการทดสอบแอนติเจนในอุจจาระจะค้นหาโปรตีนแปลกปลอม (แอนติเจน) ที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเอชไพโลไรในอุจจาระของคุณ เช่นเดียวกับการทดสอบลมหายใจ PPI และบิสมัทซัลลิไซเลตอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการทดสอบนี้ดังนั้นแพทย์ของคุณจะขอให้คุณหยุดใช้ยาเหล่านี้เป็นเวลาสองสัปดาห์ก่อนการทดสอบ การส่องกล้อง.
โรคกระเพาะอาหารที่เรียกกันแพร่หลายจนติดปากนั้น ทางการแพทย์จะหมายถึง โรคแผลเปปติค (Peptic ulcer) ซึ่งจะเกิดเป็นแผลบริเวณกระเพาะอาหารโดยตรง หรือเกิดเป็นแผลที่บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งอยู่ติดกับกระเพาะอาหาร 80% ของผู้ป่วยส่วนใหญ่จะประสบปัญหาการเป็นๆ หายๆ คือหลังจากการรักษาแผลให้หายแล้วก็มักจะกลับมาเป็นแผลอีกเรื่อยๆ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ในอดีตมีความเชื่อว่า โรคกระเพาะเป็นผลมาจากการที่กระเพาะอาหารมีกรดมาก หรือเยื่อบุกระเพาะอาหารไม่แข็งแรงแต่เพียงอย่างเดียว ปัจจุบันเราพบว่าโรคกระเพาะอาหารมีสาเหตุสำคัญอันดับหนึ่งมาจาการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร หรือ เอช. ไพโลไร (Helicobacter Pylori or H. Pylori) แบคทีเรียร้ายในกระเพาะอาหาร เป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว ที่มีการค้นพบเชื้อแบคทีเรียที่กระเพาะอาหาร แต่ไม่ทราบถึงความสำคัญจนกระทั่งปี พ. ศ. 2526 แพทย์ชาวออสเตรเลีย 2 ท่านคือ Barry Marchall และ Robin Warren สามารถเพาะเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวได้ และค้นพบว่าเชื้อนี้มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคกระเพาะอาหาร และได้ตั้งชื่อแบคทีเรียตัวนี้ว่า เ ฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) โดยปกติแล้วกระเพาะอาหารจะมีสภาพที่เป็นกรดอย่างแรง ซึ่งจะทำหน้าที่ทำลายแบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรีย ส่วนใหญ่ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่เนื่องจากเชื้อ เอช.
The Doctors: การติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร - YouTube
(พิเศษ)พญ. รภัส พิทยานนท์
ไพโลไร จะมีลักษณะพิเศษที่สำคัญคือ สามารถสร้างด่างมาหักล้างกับกรด ทำให้เชื้อนี้ สามารถอยู่และเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดอย่างแรงในกระเพาะอาหารได้ จากการศึกษาวิจัยตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าเชื้อแบคทีเรีย เอช.
งดน้ำและอาหารทุกชนิด ตั้งแต่เที่ยงคืนหรืออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนตรวจ เพื่อให้กระเพาะอาหารว่าง 2. งดอาหารประเภทที่มีสารยูเรีย เช่น น้ำอ้อย, สัปปะรด หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลืทุกชนิด เป็นต้น 3. งดยาปฏิชีวนะ (Antibiotic), กลุ่มยา PPI (Proton pump inhibitors), กลุ่มยาที่เป็นกัมมะถันที่ลดกรด และกลุ่มยา Anti-urea ก่อนการตรวจอย่างน้อย 4 สัปดาห์ 4. กรุณามาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาตรวจ 30 นาที และพบพยาบาลที่หน้าห้องตรวจศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ชั้น 4 5. หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการส่องตรวจหรือต้องการเลื่อนนัดกรุณาติดต่อได้ที่ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โทร. 074-272800 ต่อศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ในเวลา 07. 00-20. 00น. 8 การปฏิบัติตัวหลังการตรวจ สามารถรับประทานอาหารและปฏิบัติตัวได้ตามปกติ ความรู้ทีน่าสนใจ คำแนะนำการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจ คำแนะนำวิธีปฏิบัติตัวในผู้ป่วยปวดคอ คำแนะนำเรื่อง การบริหารร่างกายในผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก